วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2551

ทีสิสเสร็จแล้ววววว.....

ค้างไว้นานมาก มาแปะดีกว่า เผื่อมีใครเปิดมาเจอ

โครงการออกแบบหนังสือเพื่อทดสอบเบื้องต้นในอาการทางประสาทวิทยาในด้านการรับรู้

มนุษย์เรานั้นมีระบบประสาทและระบบสมองที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ทำหน้าที่ในการรับรู้ควบคุมร่างกาย ในส่วนที่แตกต่างกันไป เมื่อเกิดความผิดพลาดในส่วนใดส่วนหนึ่ง ทั้งจากการประสบอุบัติเหตุหรือเป็นมาแต่กำเนิด จะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายแตกต่างกันไป

โรคหรืออาการทางประสาทวิทยาในด้านการรับรู้ทางสายตานั้น เกิดจากสมองส่วนที่ควบคุม
การรับรู้ทางสายตาและการแปลความหมายเกิดความผิดปกติ จะทำให้การมองเห็นและการแปลความหมายของสิ่งที่มองเห็นเปลี่ยนแปลงไป

หนังสือที่ทำนี้จะเหมือนกับคนที่เป็นอาการเหล่านี้ คือดูเหมือนปกติเมื่อเห็นครั้งแรก แต่จริงๆแล้วซ่อนความปกติไว้ข้างใน หนังสือเล่มนี้จึงดูเป็นหนังสือปกติเมื่อเห็นครั้งแรก แต่เมื่อเปิดข้างในแล้วจะเจอความไม่ปกติ โดยแสดงผ่านหน้าหนังสือไม่เท่ากันในแต่ละบท รวมทั้งการทำแบบทดสอบและการจัดวางรูปเล่มตามลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละโรค เช่น การทำแบบทดสอบและการจัดวางรูปเล่มตามลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละโรค
เช่น
•Split Brain เป็นโรคที่สมองไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลซึ่งกันและกัน
•Synesthesia จะมีอาการรับรู้ที่ซ้อนกัน เช่น มองเห็นอักษรเป็นสี รูปทรงเป็นสี หนังสือออกมาแต่ละหน้าจะมีรูปทรง และสีตัวอักษรไม่เหมือนกัน
•Hemi Neglect ผู้ป่วยจะละทิ้งการรับรู้ด้านใดด้านหนึ่งจึงเหมือนหนังสือที่ถูกตัดตกไปด้านหนึ่ง
•Category-Specific Agnosia ผู้ป่วยจะไม่่สามารถจัดหมวดหมู่แยกแยะสิ่งของด้านใดด้านหนึ่ง



Split Brain
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะเหมือนสะพานเชื่อมสมอง 2 ฝั่งทำงานไม่ประสานกัน ทำให้ไม่สามารถเชื่อต่อข้อมูลกันได้ สามารถรับรู้ได้จากสมองเพียงซีกเดียว ผ่านสมองซีกซ้ายหรือขวา ถ้าเป็นด้านซ้ายจะไม่สามารถคำนวณ หรือรับรู้อะรใหม่ได้ แต่สามารถจิตนการได้ เช่น ถ้าเห็นภาพหัวใจอาจจะนึกถึงคนรัก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่านั้นคือรูปหัวใจ เพราะสมองซีกซ้ายใช้ในการคิด การวิเคราะห์ รวมทั้งการจดจำคำ หรืออักษร เมื่อสมองส่วนนั้นเสีย แต่การบอกถึงคนรักซึ่งใช้สมองซีกขวาในการจดจำความรู้สึกนี้

จึงใช้เรื่องของรูปร่างและคำ มาเป้นสิ่งที่ใช้สื่อในโรคนี้ เป็นการทำแบบทดสอบให้ตัวอีกษะและรูปร่างพื้นฐานนำมาผสมกัน เพราะในสมองซีกซ้ายจะรู้จักตัวอีกษรแต่ไม่รู้จักรูปร่าง เช่นเดียวกับสมองซีกขวาที่รู้จักรูปร่าง ไม่รู้จักอักษร เมื่อผู้มีอาการเห็นบดทดสอบ อาจตอบเพียงอักษร หรือ รูปร่างสัตว์




Synesthesia
ผู้ที่มีอาการนี้จะเหมือนสายไฟฟ้าที่พันกัน ทำให้การส่งผ่านข้อมูลสลับกันโดยมีหลายอาการ เช่น
•มองเห็นตัวอักษรบางตัว หรือคำบางคำเป็นสี หรือ รูปทรงที่แตกต่างกัน
•มองเห็นคนแต่ละคนเป็นสีที่แตกต่างกัน
•เกิดรูปทรงและสีที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเสียง เป็นต้น

หน้าหนังสือออกมาแต่ละหน้าจะมีรูปทรง และสีตัวอักษรไม่เหมือนกัน เพื่อแสดงถึงสิ่งที่ผู้มีอาการนี้ได้พบเห็น
ส่วนการทดสอบนั้นก็ใช้ความพิเศษในการมองเห็นสี เช่น การหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มอักษรสีดำ หรือ การซ่อนคำไว้ในกลุ่มอักษรที่มีลักษณะคล้ายกัน


Hemi Neglect
ผู้ป่วยจะไม่สนใจการกระทำใดใดต่อร่างกายอีกซีก ทั้งไม่สนใจรับรู้ในสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นกับร่างกายซีกนั้น เช่น ถ้าฉายภาพ 2 ภาพบนจอผู้ป่วยจะเห็นเพียงแค่ภาพด้านขวา การกินก็จะกินเพียงด้านขวา วาดภาพหรือเขียนหนังสือจะเขียนเพียงครึ่งขวาเท่านั้น

รูปเล่มหนังสือจึงทำออกมาครึ่งเดียว เพื่อสื่อถึงอาการของโรค รวมทั้งการทำแบบทดสอบที่เป็นการอ่านคำ และการวาดภาพรูปทรงสมมาตร



Category Specific Agnosia
เครือข่ายความจำในสมอง ซึ่งดูเหมือนจะแบ่งเก็บความรู้ไว้เป็นลิ้นชักๆ ตามคอนเซ็ปของแต่ละเรื่อง เวลาหายก็หายได้เป็นเรื่องๆ คนที่สมองบาดเจ็บได้รับผลกระทบเฉพาะตรงส่วนนี้ อาจจะยังแยกค้อนกับเลื่อยได้ปกติ ถ้าถามถึงเรื่องสัตว์อาจจะเกิดอาการเหมือนกับลืมไป ว่าเป็ดต่างกับแมวอย่างไรหรือ ปลาหน้าตาเป็นแบบไหน แต่การอ่าน เขียน จดจำชื่อของสัตว์นั้นยังปกติ

การทำบทนี้จึงจัดรูปเล่มให้ไม่มีระเบียบ สามารถมองทะลุไปได้ เหมือนสมองที่ดูเหมือนมีระเบียบ แต่จริงแล้วสับสน และการทดสอบก็เป็นการ์ดเงารูปร่างของสัตว์ และชื่อสัตว์อีกชนิด เพื่อให้ผู้ที่ป็นโรคนี้เลือกสัตว์จากรูปร่าง ไม่ใช่จากชื่อ


เดี๋ยวรอให้ได้รูปก่อน จะมาเล่าเรื่องเพะชะคุชะ ที่กลายเป็นพาพิรุณไปซะแล้ว อย่างเซง

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551

Things I Have Learned In My Life So Far

ขอลงหน่อย จากหนังสือของ Stefan Sagmeister ชื่อ Things I Have Learned In My Life So Far
นานๆจะลงอะไรติสๆซักที 555 จิงๆเพราะมันโดนดีทุกข้อเลย

1. Helping other people helps me.
2. Having guts always works out for me.
3. Thinking that life will be better in the future is stupid. I have to live now.
4. Organising a charity group is surprisingly easy.
5. Being not truthful always works against me.
6. Everything I do always comes back to me.
7. Assuming is stifling.
8. Drugs feel great in the beginning and become a drag later on.
9. Over time I get used to everything and start taking for granted.
10. Money does not make me happy.
11. My dreams have no meaning.
12. Keeping a diary supports personal development.
13. Trying to look good limits my life.
14. Material luxuries are best enjoyed in small doses.
15. Worrying solves nothing.
16. Complaining is silly. Either act or forget.
17. Everybody thinks they are right.
18. If I want to explore a new direction professionally, it is helpful to try it out for myself first.
19. Low expectations are a good strategy.
20. Everybody who is honest is interesting.

เด๋วจะลงทีสิสของตัวเองทีหลัง ยังต้องแก้อีกนิดหน่อย แต่ไม่รู้จะทำไงกะมันดี555

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

ในที่สุดก็ทำเสร็จ.....เกือบจะหมดแล้ว เย้!!!

หลังจากเดือน 2 เดือนก่อนเป็นช่วงพีคชีวิตมากมาย หมอก็หาไม่ได้
ไหนจะขี้เกียจจัดอีกกว่าจะปั่นงานเสร็จแค่แบบทดสอบทั้งหมด กับ layout 3 set
ในหนึ่งอาทิตเท่านั้นเอ๊ง..TT_TT เป็นเพราะความขี้เกียจตัวเดียวเลย สุดท้ายเลยได้เซตที่3
ที่เป็นแบบเซฟๆจืดๆส่งไป ดีที่กรรมการไม่มีใครว่า แค่เค้าอยากได้ความจี๊ดๆไปเลย
ให้layoutแสดงถึงโรคด้วยเพราะตอนแรกกลัวว่าถ้ากระทั่งlay out ยังดูยุ่งๆจะกลายเป็น
ยุ่งเหยิงไปทั้งเล่ม เลยต้องกลับมาทำให้มันเข้ากันทุกโรค แต่ด้วยทักษะการจัด layout ที่ย่ำแย่ของเราก็เลยออกมาจืดสนิทได้อีก 55555 แถมยังไม่ละนิสัยเดิมๆ
ชอบทำงานเผาๆ ไม่ใกล้วันส่งไม่ทำงาน

จนมาอาทิตสุดท้ายอาจารปุ๊กสั่งให้ส่งการบ้านทุกวัน โดนอาจารกดดันเข้าไป เลยจัดการออกมาเป็นเล่มเสร็จจนด้าย.....ออกมาเป็นที่น่าพอใจพอสมควร เพราะ
เราก็ยังรู้สึกว่ามันเท่ได้มากกว่านี้ จะพยายามสัญญากะตัวเองว่าจะไม่ปล่อยไหล
ขี้เกียจ 2 อาทิตแรกอีกแล้ววว เพราะมันเหนื่อย แถมเดือนนี้เดือนสุดท้ายด้วยแล้ว
ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเล้ย....

ps: ขอบอกคะแนน 2 ครั้งแรกได้ตั้ง 32 เต็ม 40 น่ากรี๊ดมากมาย ^0^

synesthesia ให้มองหาคำที่ซ่อนอยู่


hemi neglect ให้แบ่งครึ่งคำออกมา





split brain เป็นการให้ลองปิดตามองรูปทีละข้าง สมองจะได้สั่งการจากสมองคนละซีกกัน
แล้วบอกมาว่า
ที่เห็นคืออะไร สัตว์หรือตัวอักษร



category-specific agnosia : ให้คนที่มาทดสอบเลือกจากรูปร่างของสัตว์
ไม่ใช่จากคำที่เค้าอ่านชื่อมันออกมา


อันนี้เป็นแบบแรกที่จะทำ แต่จะกลายเป็นว่าถ้าทดสอบไปเดี๋ยวคนปกติจะกลายเป็นโรคแทน
เพราะอ่านไม่ออกจิงจิง


edit : ตัวอย่างเลย์เอ้าจิงทั้งเล่มนะ แต่ตอนนี้จิงๆเปลี่ยนแล้ว เพราะทำเป็นเล่มเหมือนหนังสือปกติ มันไม่สมกับอาการพิสดารเหล่านี้ ^_^

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550

อุปสรรคครั้งใหญ่

จิงจิงมันคงไม่มีอุปสรรคไหนใหญ่กว่าความขี้เกียจ ความเหนื่อย ความท้อของตัวเราเองอีกแล้ว

ไม่ใช่ว่าหมดไฟแต่อย่างไร แต่ทำไมพอเข้าเดือนนี้ก็เหมือนชีวิต ความคิดมันนิ่งๆไปก็ไม่รู้

ความขี้เกียจคงเป็นสิ่งที่สะสมนิสัยอย่างงี้มาตั้งแตเด็กๆว่าไม่ใกล้เวลาส่งงาน...ทำงานไม่เป็น หรือว่าง่ายๆ เน้นงานเผาอ่ะค่ะ >0< งานคืดนานๆ นั้งทำเน้นๆตลอดเวลาทำไม่เป็น ช่างเป็นนิสัยที่แย่จิงจังเลยนะเนี่ย

ความเหนื่อย ความท้อ ทำไมอยู่ๆช่วงนี้ก็มีเรื่องให้เหนื่อยจายมากมาย แถมพอเริ่มทำงานไปก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าเราจะเอาหัวข้อนี้อยู่จิงเหรอ ทั้งความท้อของงาน เรื่องติดต่อคนนู้นนี่ ติดต่อโรงพยาบาลหมอก็ไม่ว่าง พอจะทำเรื่องเข้าอีกโรงบาลดันต้องให้เราทำเป็นงานวิจัย กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลย พอติดต่อนานๆงานมันก็ยังเดินไม่ได้ พอรวมกะความขี้เกียจที่มีอีก สรุปคือ มันไม่มีอารายคืบหน้าเล้ยยยยยย....อ้ากกกกกกกกกกก

จิงจิงก็อยากให้งานออกมาดีที่สุดนะ เพราะมันคงเป็นงานทีเราจะได้พิสูจน์ความคิดของตัวเองบางอย่างว่าเราไม่ได้คิดผิดไป หรือเพราะว่าเราอาจจะมองเป้าหมายที่สูงตลอดเวลา ( สูงแต่ไม่ต้องเลิศไม่มีที่ตินะ...อันนั้นยากไป๊ ) เพราะเวลาเราหวังอารายมันไม่เคยได้ตามหวัง มันมักจะตกลงมาเสมอไงอ่ะ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

1st sketch & present

เนื่องจากกว่าที่จะได้อาจารที่ปรึกษา ก็เหลืออีก 3 อาทิตพรีเซนทีสิสแล้ว ก็เลยต้องรีบๆทำ อย่างแรกที่เราต้องทำคือ อธิบาย 4 โรคประหลาดให้อาจารปุ๊กรู้เรื่อง :) แล้วรีบทำดัมมี่หนังสือซะ จะได้มีงานเป็นชิ้นเป็นอัน หลังจากนั้นก้ออกแบบบรรดารูปเล่มแต่ละบทว่าจะเป็นอย่างไร มาดูทีละขั้นตอนดีฝ่าาาา

ดัมมี่ : ตัวอย่างรายละเอียดว่าแต่ละหน้าเราจะใส่อารายบ้าง


ตัวอย่างในแต่ละโรค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อันนี้เป็นการจัดวางแค่หน้าเปิดหนังสือไม่ใช่หน้าทดสอบนะ


synesthesia : จะเน้นการใช้สี ในตัวอักษรบางตัวเด้งขึ้นมา
hemi-neglect : ตัดตัวอักษรไปครึ่งนึง จิงๆคนที่เป็นโรคนี้เค้าจะเห็นหายไปทั้งแถบเลย แต่เพื่อการ design มันไม่งามนะจ๊ะ
split brain : เนื่องจากโรคนี้เค้าอ่านแล้วแปลความหมายลำบากใช้มั๊ย เราเลยเอาไอคอนต่างๆมาเป็นตัวสื่อสารแทนดีกว่า จะได้แปลความหมายตรงกัน
category-specific agnosia : โรคนี้จะเอ๋อเรื่องหมวดหมู่ เพราะฉะนั้นเราก็เอาความเอ๋ออกมาโชว์กันตรงๆเลยดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีบทที่ 3 จะเป็นการเอาชีวิตคนเป็นโรคเหล่านี้ว่าเค้าจะเป็นยังไงมาในรูปแบบไดอารี่ เช่นถ้าคนเป็นซินเนสทีเชียที่เห็นคนเป็นสี เวลาไปเดินตาดนัดคงมึนพิลึก :)

บางเรื่องมันอาจเป็นแค่การวิเคราะห์เบื้องต้นเท่านั้น เพราะเราเองก็ไม่ใช่หมอมันไม่สามารถวิเคราะห์ได้แม่นๆ ก็ต้องรอก่อนนะ ขอไปคุยกะหมอก่อน

ขอตัดชอตมาวันพรีเซนเลยละกัน

ตือวันพรีเซนเนี่ยนะคะคือเมื่อวันเสาร์เอง อิชั้นก็ตื่นแต่เช้า 6 โมงอ่ะ เพราะต้องมาลงไฟล์พรีเซนไว้ก่อน มาตั้งแต่ 8 โมง แต่ปัญหามันอยู่ว่าก่อนหน้านั้นวันพฤหัสนั้งแก้งานที่จะพรีเซนถึงตี 4 แล้วก็ตื่น 8 โมงมาทำต่อวันศุกร์ กะว่าบ่ายๆค่อยเข้า ม ไปส่งงาน เพราะยังไงส่ง 4 โมงเย็นทันแน่นอน อยู่ๆเพื่อนบอยก็โทรมาว่าเค้าให้ห้องเราส่งก่อนบ่าย 2 !!! lol เพราะอาจารจะไม่ว่าง แล้วตอนที่มันโทรมาคือ เที่ยงกว่า!! บ้านกรูอยู่พระราม3 นะเฟร้ยยยย...ก็เลยต้องบึ่งแทกซี่ไป พร้อมกับคอมเพื่อจะนั่งไร้ท์ cd ได้เลย โดนค่าโดยสารไป 300 กว่า สบาบใจกระเป๋าเบาไปเลย -*- สดท้ายมันฟังผิด เค้าให้ส่งตอนบ่าย 2 เวงงง

พอเช้าวันเสาร์ก็ศพสิค่ะ เดินไร้วิญญาณเลย นอนไม่พออ่ะ แถมพรีเซนคนเกือบสุดท้ายอ่ะ รอแล้วรอเล่าจนหาวแล้วหาวอีก พอถึงเวลาเข้าห้องก็เลยเอ๋อๆ พรีเซนผิดๆถูกๆ สไลด์ก็ยังไม่ได้ให้จารปุ๊กดุ กลัวแทบตายอีกเพราะได้ห้องโหดสุดอ่ะ เลยโดนมาซะชุดนึง อุตส่าห์ใจชื้นว่าพรีเซนเสร็จแล้วเงียบ ท่าทางจะงานดี ที่ไหนได้เค้าขอเวลาคิด -_-" ก็โดนว่าทำไมทำหนังสือทดสอบ แต่ไม่ทำแบบทดสอบมาก่อนละค่ะ....ก็หนูอยากได้ภาพรวมก่อนนิ แต่ก็เรียกว่าไม่ได้มากมาย เพราะคนอื่นหนักกว่าเยอะ พอจบงานจารปุ๊กรีบโทรมาถามว่าถิงเป็นไงบ้าง เรากลับคิดว่าจารปุ๊กแหละค่ะ ว่าหนูเป็นไงบ้าง เพราะกลัวเค้าเสียใจที่เราทำงานมาแค่เนี่่ยเองเหรอ หรือว่าเราดูเอ๋อมากในห้องก็ไม่รู้ เค้าอาจนึกว่าตายไปแล้ว:)

สรุปคือเดือนธันวาต้องรีบทำงาน โดยเฉพาะแบบทดสอบ ต้องทำให้ปิ๊ง ถูกจายย...กรรมการทู้กท่าน แล้วก็เล่มทั้งหมดอีก โดยเฉพาะบทที่ 3 ที่เรายังไม่คิดเลยว่าจะสื่อยังไง งานใหญ่เลย :)

thesis โรคประสาท....ประสาทไปเลย

ขออัพเดตขอ้มูลทีสิสบ้างละกันนะ อยากเก็บไว้เป็นอนุสรณ์การทำงานครั้งสำคัญในชีวิต เพราะถ้าไม่ดีก็คงไม่จบ เผื่ออนาคตมาอ่านจะได้รู้ว่าตอนนี้คิดอารายอยู่ เพราะเพิ่งเริ่มลงมือออกแบบมาได้แค่ 1 เดือนเริ่มคิดแล้ว ว่าตอนเสนอเรื่อง คิดอาร๊ายยยย.....ทำไมเรื่องมีเป็นล้านไม่ทำว่ะ

เริ่มเรื่อง
มันเริ่มมาจากว่าตอนนั้นเนี่ย เค้าเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตมันก็ต้องเริ่มพรีเซนต์ทีสิสรอบแรกแล้ว เค้าให้เวลาคิดตั้งนานไม่คิดกัน...สันดานเสียมากมาย แล้วอยู่ๆฟ้าก็ส่ง aday ที่มีเรื่อง synesthesia ก็เลยเกิดไอเดียว่า เออถ้าทำหนังสือ หรือ โมชั่นเสนอมุมมองของคนเป็นโรคนี้อ่ะ คงดีนะ แต่พอไปเสนออาจารเค้าก็ว่ามันจีดไป เอาเป็นหนังสือทดสอบดีกว่า.......อืม เอาก็ได้ว่ะ

อุปสรรค
อุปสรรคแรกเลยคือ ข้อมูลค่ะ มันมีแต่ภาษาปะกิด เสียเวลานั้งแปลกอีกกรู
แถม พอเราติดต่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งประสาทมากมาย กว่าจะโทรไปจิกจิกจิก ให้รู้เรื่องว่าเมื่อไหร่เราจะได้คุยกับหมอ ก็เสียเวลาไปอีก 1 เดือน เพราะมันทำจดหายเราหาย....lol
แล้วพอได้คุยกะคุณหมอที่เคารพเค้าก็ busy มากมายอีก ไม่คุยกะช้านนนนนน.......
สุดท้ายก็มาลเอยที่ว่า ชั้นเปิดเนตหาข้อมูลเองก้ได้ย่ะ

หลังจากนั้นก็ต้องเขียนเล่มศิลปนิพนธ์ครึ่งแรกไปส่งด้วยข้อมูลที่หาเอาเอง กว่าจะวุ่นแก้นู้นนี่ เคาะมากไป เลขหน้าผิด เว้นกี่นิ้ว แก้แล้วแก้อีกปริ้นกระดาษจนจะหมดรีมแล้ว กว่าจะทำหมดก็เกือบเปิดเทอมใหม่ซะแล้วว...ก็เลยชิ่งหนีไปเที่ยวก่อนฝ่า :) 55555
( สามารถอ่านเรื่องราวได้ที่ ting's space​ )

กลับมาก็ได้เจออาจารที่ปรึกษา ซึ่งตนแรกเราไม่รู้จักเค้าอ่ะ เพราะเค้าสอนอีกห้องนึงที่ตารางเรียนมันไม่เคยตรงกะชาวบ้าน
และการตามล่าหาหนังสือโลกจิต ที่เดินซะทั่วมันไม่มีขายอ่ะ งานหนังสือก็ไม่ได้ไปเพราะดันไปยี่ปุ่ง แต่ขอขอบคุณจารรี่ที่ให้จารตุ๊กตาเอามาจาก abook ให้เลย ขอบคุณนะก๊าบ....
และสำคัญขอบคุณพี่แทนที่ทำเว็บโลกจิตเสร็จแล้ว เย้!!

เด๋วจะมาลง sketch ใหม่บล็อกหน้านะกั๊บ

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

finish.....>_<

ในที่สุดก็หาคำที่มีจำนวนตัวอักษรเท่ากับจำนวนครั้งของการพับได้สำเร็จเรียบร้อย และออกมาเป็นงานจบจนได้ ถึงแม้วาบางตัวอาจจะเป็นการเอาตัวรอดเล็กน้อย :) แต่บางตัวมันก็ไม่ไหวจิงจัง เพราะคาดว่าตอนนี้พับกระดาษมาร่วมๆร้อยกว่าใบแล้ว ในอนาคตอาจจะรวมเล่มวิธีพับได้เลย สิ่งที่อยากที่สุดคือตอนหาคำศัพท์ให้มันพอดีกับจำนวนการพับนี่แหละ ( โดยเฉพาะตัว q หายากมาก....)
สไลด์รวบรวมกระดาษทั้งหมด



ขณะนี้ยังไม่มีรูปงานจบของจริง เพราะยังไม่ได้งานคืนจากอาจารย์นะค่ะ :)

เพิ่มเติม : ขอกรี๊ดหน่อย.....ใน pingmag อันล่าสุดเจอศิลปินทำงานจากโอริกามิ น่ารักมากมายทีเดียว ดูได้ที่pingmag